
นอนกรนเกิดจากอะไร? อะไรคือสาเหตุของการนอนกรน?
ระบบทางเดินหายใจของคนเรานั้น จะแบ่งเป็นระบบทางเดินหายใจส่วนต้น และส่วนล่าง ระบบทางเดินหายใจส่วนต้นจะเริ่มตั้งแต่ปลายจมูก ผ่านช่องคอหอย โคนลิ้น กล่องเสียงและหลอดลมใหญ่ ส่วนระบบทางเดินหายใจส่วนล่างจะคือหลอดลมย่อย หรือปอด
ลองสังเกตนะครับว่าคนเราเวลาตื่นอยู่ หายใจไม่ค่อยจะมีเสียงดัง ยกเว้นบางคนที่เป็นหวัดคัดจมูกมากๆ นั่นเป็นเพราะทางเดินหายใจส่วนต้นที่ว่ามานี้ กว้างและตึงพอที่จะไม่ทำให้เกิดเสียงเวลามีลมหายใจเข้าออก
ต่างจากผู้ที่มีอาการนอนกรน ซึ่งกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้นจะมีการหย่อนตัวลงอย่างมาก ซึ่งการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ มีผลทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบลง เมื่อมีลมหายใจผ่านก็จะทำให้เนื้อเยื่อดังกล่าวเกิดการสั่นสะเทือน และกระพือ จนทำให้เกิดเสียงดังขึ้น
คนส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการนอนกรนซึ่งมีผลกระทบต่อคนที่อยู่ด้วย และถ้าคู่ของคุณเป็นคนนอนกรนคุณจะเข้าใจถึงปัญหานี้ดี เราทุกคนคงไม่อยากนอนร่วมกับคนที่มีปัญหานี้เพราะมันทำให้เราต้องสะดุ้งตื่นมากลางดึกพร้อมกับความหงุดหงิด
ส่วนใหญ่อาการนอนกรนจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราหลับลึก เกิดจากผนังจมูกมีลักษณะบีบรัดผิดปรกติหรืออาจเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป อีกทั้งยังเกิดได้จากการมีน้ำหนักเกิน นอกจากนี้การนอนกรนยังสร้างเสมหะขึ้นในลำคอและจมูก
แต่ตอนนี้เรามีข่าวดีมาบอก วิธีการรักษาธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพช่วยหยุดการนอนกรนได้ มีหลายคนบอกว่าการดื่มน้ำผลไม้แสนอร่อยต่อไปนี้ช่วยป้องกันการนอนกรนได้
ส่วนผสม
1. มะนาว ¼ ลูก
2. แครอท 2 ลูก
3. ขิงสด 1 หัว
4. แอปเปิ้ล 2 ลูก
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดลงไปปั่นหรือคั้นให้เข้ากัน
วิธีใช้
ดื่มน้ำผลไม้นี้สัก 2-3 ชั่วโมงก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน ส่วนผสมของน้ำผลไม้ธรรมชาตินี้มีคุณสมบัติอย่างมาก เพราะในน้ำมะนาวมีวิตามินซีสูงช่วยทำความสะอาดของเหลวในรูจมูก
ในขณะที่แครอทและแอปเปิ้ลช่วยล้างรูจมูกและส่งเสริมการนอนหลับ นอกจากนี้ขิงยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของการบีบรัดในรูจมูก
การนอนกรนอาจไม่เป็นอันตรายอะไรมากนัก แต่ถ้าคุณนอนกรนเป็นประจำจะทำให้เกิดการหายใจติดขัดหรือทำให้การนอนหลับเป็นไปอย่างไม่ต่อเนื่อง ดังนั้นคุณจึงได้รับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้
7 วิธีเลี่ยงเสียงกรน
1. ควบคุมน้ำหนัก ความอ้วนเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของอาการนอนกรน เพราะไขมันที่สะสมบริเวณช่องทางเดินหายใจบริเวณคอ ถูกเบียดให้เล็กลง รวมทั้งไขมันที่หน้าอกและท้องก็ยังเป็นภาระให้ร่างกายต้องหายใจหนักขึ้น และใช้พลังงานในการหายใจมากขึ้น
2. ออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อที่ดึงรั้งช่องทางเดินหายใจมีความแข็งแรงขึ้น ขณะที่นอนหลับเนื้อเยื่อภายในปากจะได้ไม่หย่อนลงมาจนขัดขวางช่องทางเดินหายใจ
3. จัดท่านอน พยายามจัดท่านอน เพื่อป้องกันการหายใจทางปาก โดยการนอนตะแคงงอข้อศอก เพื่อให้มือข้างหนึ่งยันคางไว้เป็นการปิดปาก หรืออาจใช้หมอนหนุนหลังเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พลิกมานอนหงาย อาจฝึกด้วยการนอนในที่แคบๆจนเคยชินก็ได้ หรือจะลองใช้ลูกเทนนิสสอดไว้ในเสื้อนอนด้านหลัง ความไม่สบายนี้จะช่วยเตือนให้คุณหลับในท่าตะแคงได้โดยตลอด
4. ยกศีรษะให้สูงขึ้น ถ้านอนตะแคงไม่ได้จริงๆ ให้นอนหงายแล้วใช้หมอนเล็กๆ หนุนที่บริเวณหลังคอด้านบน ยกศีรษะให้สูงจากเตียง เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นหย่อนลงไปในลำคอจนเกิดเสียงกรนได้
5. รักษาที่นอนให้สะอาด พยายามกำจัดปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเกิดหอบหืด ภูมิแพ้ อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการกรน เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์
6. พยายามอย่าให้มีขี้มูกก่อนนอน จะช่วยให้ช่องจมูกเปิดโล่ง ลมเข้าออกได้อย่างสะดวก
7. เพิ่มระดับความชื้นในห้องนอน เพราะการนอนในห้องที่มีความชื้นต่ำมาก อากาศภายในห้องจะแห้ง ทำให้เยื่อบุต่างๆในระบบทางเดินหายใจพลอยแห้งตามไปด้วย บางรายอาจเกิดอาการบวมและทางเดินหายใจตีบแคบลง จนเกิดอาการนอนกรนในที่สุด
สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน
แหล่งที่มา: rak-sukapap
เรียบเรียงโดย: samunpaisecrete.com